7 วิธีเลือกรองเท้าวิ่ง สำหรับมือใหม่ เลือกอย่างไรให้ได้รองเท้าวิ่งที่สบาย
ไม่มีกำหนดอายุ

7 วิธีเลือกรองเท้าวิ่ง สำหรับมือใหม่ เลือกอย่างไรให้ได้รองเท้าวิ่งที่สบาย

การวิ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่าย แค่มีรองเท้าคู่ใจสักคู่ก็เพียงพอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งบนพื้นผิวที่เรียบอย่าง พื้นถนนในสวนสาธารณะ หรือบนลู่วิ่งในฟิตเนส รวมถึง การวิ่งเทรลที่พื้นมีความขรุขระ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ รองเท้า ที่จำเป็นต้องมีวิธีเลือกรองเท้าวิ่งให้เหมาะสม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และช่วยเสริมให้วิ่งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยปัจจัยที่ใช้ในการเลือกรองเท้าวิ่งนั้นมีด้วยกันหลายข้อ เช่น ลักษณะรูปเท้า พื้นผิวที่วิ่ง หรือเลือกตามประเภทของการวิ่ง เป็นต้น 


สารบัญ วิธีเลือกรองเท้าวิ่ง สำหรับมือใหม่


 บทความนี้จึงได้รวบรวมวิธีเลือกรองเท้าวิ่งที่น่าสนใจมาให้ได้อ่านกัน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับมือใหม่ที่อยากจะเข้าวงการวิ่ง แต่ยังไม่รู้ว่า ควรเลือกรองเท้าวิ่งอย่างไรให้เหมาะกับตนเอง รวมถึง การทำความสะอาดรองเท้าวิ่งอย่างถูกวิธี ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานรองเท้าของคุณ

รูปทรงของเท้าแต่ละแบบเหมาะกับรองเท้าแบบใด 

วิธีเลือกรองเท้าวิ่งให้เหมาะกับรูปเท้า จำเป็นต้องรู้ลักษณะของฝ่าเท้าของตนเองด้วย เพื่อที่จะได้รองเท้าที่เหมาะสมและช่วยเสริมอุ้งเท้า อีกทั้งยังช่วยให้การวิ่งมีประสิทธิภาพ และไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ ซึ่งลักษณะของอุ้งเท้าแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ

เลือกรองเท้าวิ่งสำหรับอุ้งเท้าปกติ (Normal Arch)

  • อุ้งเท้าปกติ (Normal Arch)

อุ้งเท้าแบบปกติ ถือเป็นลักษณะของอุ้งเท้าที่สามารถพบได้ทั่วไป โดยที่รอยคอดของเท้าจะมีไม่มาก มีเพียงครึ่งหนึ่งของฝ่าเท้าเท่านั้น ที่สำคัญลักษณะอุ้งเท้าแบบปกตินั้นส่วนเว้าและส่วนโค้งของเท้าจะพอเหมาะกับการรองรับน้ำหนักตัว

วิธีเลือกรองเท้าวิ่งสำหรับคนเท้าแบน (Flat Arch)

  • อุ้งเท้าแบน (Flat Arch)

อุ้งเท้าแบนเป็นลักษณะอุ้งเท้าที่แบนราบไปกับพื้น โดยที่ส่วนกลางของเท้าแทบจะไม่มีส่วนเว้าโค้งของฝ่าเท้าเลย ซึ่งผู้ที่มีลักษณะเท้าแบน ควรเลือกรองเท้าที่รองรับอุ้งเท้า และการบิดของเท้าให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บขณะวิ่ง 

เลือกรองเท้าสำหรับคนอุ้งเท้าสูง (High Arch)

  • อุ้งเท้าสูง (High Arch)

อุ้งเท้าสูง คือ ช่วงกลางของฝ่าเท้าจะโค้งสูงจากพื้นในสัดส่วนที่มากกว่าปกติ และมากกว่าลักษณะเท้าแบบอื่นๆ ทำให้เวลาเดิน วิ่ง หรือลงน้ำหนักที่เท้าจะเกิดแรงกระแทกมาก โดยเฉพาะบริเวณส้นเท้า และฝ่าเท้าด้านหน้า นอกจากนี้ ยังอาจทำให้เกิดปัญหาข้อเท้าพลิกได้ง่าย บางคนอาจมีอาการเจ็บฝ่าเท้าด้านหน้า เจ็บส้นเท้า และข้อเท้าได้

 

6 วิธีเลือกรองเท้าวิ่งสำหรับมือใหม่ เลือกอย่างไรให้สบายเท้า

7 วิธีเลือกรองเท้าวิ่งสำหรับมือใหม่ เลือกอย่างไรให้สบายเท้า 

รองเท้าถือเป็นอุปกรณ์สำคัญของนักวิ่งเลยก็ว่าได้ ดังนั้น จึงควรเลือกรองเท้าที่มีความเหมาะสมกับรูปทรงเท้า รวมถึง ต้องคำนึงถึงพื้นผิวและประเภทการวิ่งของตัวเองเป็นหลัก เพื่อที่จะได้รองเท้าที่มีความเหมาะสม ใส่แล้วรู้สึกสบาย ซึ่ง 6 วิธีเลือกรองเท้าวิ่งเหล่านี้ ถือเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับนักวิ่งมือใหม่ที่กำลังมองหารองเท้าคู่ใจ 

1. เลือกขนาดของรองเท้าที่ใส่แล้วพอดี

ควรเลือกขนาดของรองเท้าที่ใส่แล้วพอดีเท้า ไม่คับหรือหลวมจนเกินไป เพราะหากสวมใส่รองเท้าที่หลวมจะเป็นอุปสรรคในการวิ่งได้ ส่วนการเลือกรองเท้าที่คับจนเกินไป ขณะวิ่งนิ้วเท้าจะกระแทกกับหน้ารองเท้าจนทำให้เกิดอาการห้อเลือดที่เล็บเท้าตามมาได้ ดังนั้น การเลือกรองเท้าที่สวมใส่แล้วพอดี ควรให้นิ้วเท้าที่ยาวที่สุดห่างจากปลายรองเท้าประมาณครึ่งนิ้ว เพื่อให้มีพื้นที่ว่างในส่วนหน้ารองเท้าเล็กน้อย จะได้ไม่เกิดอาการห้อเลือดจากการวิ่ง

2. รองรับแรงกระแทกได้ดี

ในการวิ่งแต่ละครั้งน้ำหนักส่วนใหญ่มักจะลงที่เข่าและเท้าเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการลงน้ำหนักที่ส้นเท้า ปลายเท้า หรือการลงน้ำหนักที่กลางฝ่าเท้า ทำให้เท้าเป็นส่วนที่ได้รับแรงกระแทกจากการวิ่งในแต่ละครั้ง ดังนั้น การเลือกรองเท้าที่ออกแบบให้รับแรงกระแทกได้ดี มีพื้นรองเท้าที่หนานุ่ม จะช่วยลดอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการวิ่งได้ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องวิ่งในระยะทางที่ไกล

3. น้ำหนักเบา และระบายอากาศได้ดี

อีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกรองเท้าวิ่งที่ดี คือ ควรมีน้ำหนักเบาและสามารถระบายอากาศได้ดี สำหรับวิธีการเลือกรองเท้าวิ่ง ควรลองสวมใส่ทุกครั้ง เพื่อดูว่ารองเท้ามีน้ำหนักที่เหมาะสมกับตนเองหรือไม่ เพื่อให้ได้รองเท้าที่มีน้ำหนักเบา ช่วยให้วิ่งได้อย่างคล่องตัว นอกจากนี้ ควรเลือกรองเท้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี เพื่อไม่ให้เกิดการอับชื้น หรือเหงื่อออกจนเกิดการเสียดสีและทำให้บาดเจ็บได้ง่าย

 

เลือกรองเท้าที่ยืดหยุ่นดี โค้งงอตามรูปเท้า

4. ยืดหยุ่นดี โค้งงอตามรูปเท้า

การเลือกรองเท้าวิ่งที่มีความยืดหยุ่นสูง โค้งงอรับกับรูปเท้าได้ดี ขณะวิ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บได้ หากรองเท้ามีความแข็งเกินไป ไม่ยืดหยุ่นตามรูปเท้า จะส่งผลให้ในขณะที่เดินหรือวิ่ง กล้ามเนื้อบริเวณนิ้วเท้าและเอ็นร้อยหวายต้องออกแรงมากขึ้น จนอาจทำให้เกิดอาการปวดเท้าได้ ซึ่งเมื่อต้องวิ่งติดต่อกันไปนานๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณเท้าอักเสบได้ด้วย 

5. เลือกรองเท้าให้ถูกกับพื้นผิวการวิ่ง

อีกหนึ่งวิธีเลือกรองเท้าวิ่ง คือ การเลือกรองเท้าตามพื้นผิวการวิ่ง ซึ่งรูปแบบในการวิ่งนั้นมีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ทั้งการวิ่งในร่มบนพื้นเรียบ การวิ่งในสวนสาธารณะ หรือการวิ่งเทรลที่ต้องวิ่งไปตามพื้นผิวที่ขรุขระตามเส้นทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นป่า ภูเขา หรือทุ่งกว้าง ซึ่งการเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับพื้นผิว จะช่วยให้วิ่งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเป็นการถนอมไม่ให้รองเท้าเสื่อมสภาพได้เร็วอีกด้วย

  • รองเท้าวิ่ง Road/Indoor ใช้สำหรับการวิ่งบนพื้นผิวที่เรียบ อย่างพื้นถนน พื้นยาง และลู่วิ่ง ควรเลือกรองเท้าที่ผิวเรียบ พื้นหนา น้ำหนักเบา และรับแรงกระแทกได้ดี เพื่อช่วยทำให้ข้อเท้ามีความมั่นคง เมื่อต้องวิ่งบนพื้นแข็งๆ 
  • รองเท้าวิ่ง Trail ใช้สำหรับการวิ่งบนพื้นตามธรรมชาติ ที่มีทั้งความขรุขระ โคลน และทางที่มีหิน จึงควรเลือกรองเท้าที่มีปุ่ม เพื่อป้องกันการลื่น และช่วยยึดเกาะกับพื้นผิวได้ดี 
  • รองเท้าวิ่ง All Terrain เป็นรูปแบบรองเท้าที่ผสมผสานกันระหว่าง Trail และ Road/Indoor สามารถใช้งานได้ทั้งบนพื้นเรียบ และพื้นขรุขระ 

6. เลือกให้เหมาะกับประเภทของการวิ่ง

การวิ่งนั้นมีด้วยกันหลายรูปแบบ ตั้งแต่การวิ่งจ็อกกิงยามเช้า, วิ่งระยะสั้นแบบ Fun Run 5 กิโลเมตร, การวิ่งแบบมินิมาราธอน 10.5 กิโลเมตร, ฮาล์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตร หรือการวิ่งมาราธอนที่มีระยะทาง 42.195 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังมีการวิ่งวิบากที่ต้องผ่านสิ่งกีดขวางทั้งปีน ดัน ดึง แบก คลาน ผ่านกำแพง รั้วลวดหนาม ตลอดจนสิ่งกีดขวางอื่นๆ 

ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อรองเท้าวิ่ง ควรพิจารณาก่อนว่าใช้สำหรับวิ่งลักษณะใด หากวิ่งระยะไกลควรเลือกรองเท้าที่รองรับแรงกระแทกได้ดี เพื่อซัพพอร์ตการวิ่งนานๆ แต่หากเป็นการวิ่งเทรลควรเลือกรองเท้าที่มีปุ่ม เพื่อให้เกาะพื้นผิวได้ดี ที่สำคัญควรเลือกรองเท้าที่หน้าเท้าหนา เพื่อช่วยป้องกันนิ้วเท้าเวลาเตะหิน หรือรากไม้ เป็นต้น 

7. ซื้อรองเท้าให้ถูกเวลา

 อีกหนึ่งวิธีเลือกซื้อรองเท้าวิ่งที่สำคัญ คือ ควรเลือกซื้อรองเท้าวิ่งในช่วงเย็น เพราะเป็นเวลาที่เท้าจะขยายใหญ่เต็มที่ เนื่องจากผ่านการใช้งานมาทั้งวัน ซึ่งในการวิ่งเท้าก็จะขยายใหญ่เช่นกัน ดังนั้น การเลือกซื้อรองเท้าวิ่งให้ถูกช่วงเวลาจะช่วยให้คุณได้รองเท้าที่มีขนาดพอดีกับเท้าได้ 

ส่วนประกอบหลักๆ ของรองเท้าวิ่ง

ปัจจุบันรองเท้าวิ่งมีการออกแบบให้รองรับกับการวิ่ง และลักษณะการวิ่งที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงมีการใช้วัสดุที่ทันสมัย ซึ่งส่วนประกอบหลักๆ ของรองเท้าวิ่ง มีดังนี้

Upper

  • Upper

Upper เป็นส่วนบนสุดของรองเท้า โดยจะติดกับส่วน Midsole ซึ่งวิธีในการติดทั้ง 2 ส่วนเข้าด้วยกัน อาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคู่ เช่น ใช้กาวติด และใช้วิธีการเย็บ สำหรับส่วนของ Upper นั้นมีวัตถุประสงค์ในการช่วยยึดเท้าให้มีความกระชับ และช่วยให้ระบายอากาศได้ดี ไม่ทำให้เกิดความอับชื้น 

Ankle Collar

  • Ankle Collar

Ankle Collar เป็นส่วนประกอบของรองเท้าที่อยู่บริเวณข้อเท้า เพื่อช่วยให้บริเวณข้อเท้ารู้สึกสบาย และช่วยให้เอ็นร้อยหวายไม่ระคายเคืองหรือเกิดการเสียสีจนรู้สึกเจ็บ โดยส่วนใหญ่มักมีการบุด้านในเพื่อเพิ่มความนิ่ม หรืออาจออกแบบมาให้บาง เพื่อลดพื้นที่ที่ไม่จำเป็นและน้ำหนัก ในกรณีของกีฬาที่ต้องการความเร็ว

Midsole

  • Midsole

Midsole คือ ส่วนที่อยู่ระหว่าง Upper และ Outsole ซึ่งเป็นส่วนที่มีความสำคัญมาก เพราะช่วยรับแรงกระแทก และยังช่วยในการทรงตัวอีกด้วย 

Outsole

  • Outsole

Outsole คือ ส่วนของพื้นรองเท้าที่สัมผัสกับพื้นผิวที่วิ่ง วัสดุที่ใช้ทำในส่วนนี้มีทั้ง Carbon Rubber และ Blown Rubber ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความคงทน แข็งแรง แต่ตำแหน่งในการจัดวางพื้นรองเท้านั้นจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับการออกแบบ

Toebox

  • Toebox

Toebox หรือ ส่วนด้านหน้ารองเท้า เป็นบริเวณที่นิ้วเท้าอยู่ ซึ่งในบริเวณนี้ควรมีพื้นที่ว่าง ไม่ให้นิ้วเท้าชน เพราะอาจทำให้เกิดการห้อเลือดได้ ที่สำคัญบริเวณด้านนอกส่วน Toebox โดยเฉพาะรองเท้าแบบวิ่งเทรลควรมีโครงสร้างที่แข็งแรง เพื่อป้องกันหิน และรากไม้ 

Heel Counter

  • Heel Counter

Heel Counter เป็นส่วนที่อยู่บริเวณสันเท้า ทำมาจากแผ่นพลาสติกหรือวัสดุจากโฟม ออกแบบมาเพื่อช่วยประคอง เพิ่มความมั่นคง และรองรับเท้าขณะวิ่ง

 

สัญญาณที่บอกว่าควรเปลี่ยนรองเท้าวิ่งแล้ว

สัญญาณที่บอกว่าควรเปลี่ยนรองเท้าวิ่งแล้ว

รองเท้าเมื่อใช้ไปสักระยะก็จะเสื่อมสภาพลงตามการใช้งาน ซึ่งจำเป็นต้องเปลี่ยนรองเท้าวิ่งคู่ใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ เช่น เกิดอาการปวดที่หน้าแข้ง และกระดูกอ่อนข้อเข่าอักเสบ เป็นต้น สำหรับสัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนรองเท้าวิ่งแล้วนั้น มีดังนี้ 

  • ใช้วิ่งเกิน 500-600 กิโลเมตร แม้รองเท้าจะยังอยู่ในสภาพที่ดี ก็ไม่ควรใส่วิ่งแล้ว 
  • รู้สึกปวดขาด้านล่าง บริเวณหัวเข่า และหน้าแข้ง
  • รองเท้าชำรุด เช่น พื้นรองเท้าทรุด รองเท้าขาด หรือส่วนประกอบบางส่วนพัง

 

เคล็ดลับการดูแลรองเท้าให้อยู่กับเราไปนานๆ

4 เคล็ดลับการดูแลรองเท้าให้อยู่กับเราไปนานๆ

การดูแลรักษารองเท้านอกจากเรื่องของความสะอาดและถูกสุขอนามัยแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งาน ไม่ทำให้รองเท้าชำรุด หรือพังได้เร็วอีกด้วย ซึ่งขั้นตอนวิธีในการทำความสะอาดรองเท้าวิ่งนั้นไม่ยุ่งยาก มีเพียง 4 ขั้นตอน  ดังนี้ 

1.เช็ดคราบสกปรกที่พื้นรองเท้าทุกครั้งหลังวิ่ง

ในแต่ละครั้งที่ออกไปวิ่ง พื้นรองเท้าก็จะได้สัมผัสกับพื้นผิวที่เราไปวิ่งในที่ต่างๆ ทำให้เกิดเป็นรอยและคราบสกปรก ดังนั้น ทุกครั้งหลังวิ่งเสร็จ ควรทำความสะอาดพื้นรองเท้าทุกครั้ง ด้วยการนำเบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำส้มสายชู คนรวมกันจนเนื้อเหนียว และใช้แปรงสีฟันขัดถูบริเวณที่เปื้อน ก่อนจะนำผ้าชุบน้ำหมาดๆ มาเช็ดบริเวณที่ขัด และนำไปตากแดด 

2.จัดเก็บไว้ในกล่องใส่รองเท้า

การจัดเก็บรองเท้าไว้ในกล่องรองเท้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี จะช่วยให้รองเท้าไม่อับชื้นและขึ้นรา นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันฝุ่นเกาะ อีกทั้งยังช่วยให้รองเท้าไม่เสียทรง ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ และช่วยให้เป็นระเบียบ สามารถหยิบใช้งานได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนเก็บเข้ากล่องควรนำรองเท้าไปผึ่งลม ให้เหงื่อที่เปียกรองเท้าแห้งเสียก่อน จะได้ไม่เกิดความอับชื้น 

3.นำไปผึ่งแดดลดกลิ่นอับเป็นระยะๆ

แม้ว่าการตากรองเท้ากลางแดดจัดๆ จะทำให้สีซีดได้เร็ว แต่อย่างไรก็ตาม ควรนำรองเท้ามาตากแดดบ้างเป็นระยะๆ เพื่อช่วยลดกลิ่นอับ และฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในรองเท้า

4.ควรซักทำความสะอาดรองเท้าวิ่งอย่างถูกต้อง

การซักทำความสะอาดรองเท้าควรซักอย่างถูกวิธี เพื่อให้รองเท้าใช้งานได้นาน และที่สำคัญการซักอย่างถูกต้องช่วยให้รองเท้าไม่เสื่อมสภาพเร็ว ซึ่งสามารถทำได้ ดังนี้

  • ควรทำความสะอาดด้วยมือ

การทำความสะอาดรองเท้าอย่างถูกต้องนั้นควรขัดด้วยมือ เพื่อที่จะได้ชำระล้างคราบสกปรกได้อย่างทั่วถึง ที่สำคัญไม่ควรใส่เครื่องซักผ้า เพราะนอกจะทำความสะอาดได้ไม่ทั่วทุกซอกมุมแล้ว ยังอาจทำให้รองเท้าเสียรูปทรงได้  

  • เชือกผูกรองเท้าควรซักแยก

ทุกๆ ครั้งที่ซักรองเท้า ควรนำเชือกรองเท้าออกจากรองเท้าก่อน เพื่อที่จะได้ทำความสะอาดได้ง่าย และมีความสะอาดมากยิ่งขึ้น 

  • ตากรองเท้าในที่ร่ม

การตากรองเท้ากลางแดดจัดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เนื่องจากอาจทำให้สีของรองเท้านั้นซีดลง รวมไปถึงวัสดุต่างๆ อย่างเช่น พื้นรองเท้า อาจเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ดังนั้น ควรตากรองเท้าในร่มที่แดดสามารถส่องถึง เพื่อถนอมรองเท้า และช่วยยืดอายุในการใช้งาน 


วิธีเลือกรองเท้าวิ่งให้เหมาะสมจำเป็นจะต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น ลักษณะของอุ้งเท้า หรือพื้นผิวที่วิ่ง รวมถึง ควรเลือกรองเท้าวิ่งที่สามารถรองรับแรงกระแทกและระบายอากาศได้ดี มีน้ำหนักเบา สวมใส่พอดี และรู้สึกสบายเท้า เพื่อให้ได้รองเท้าวิ่งที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณวิ่งได้โดยไม่ต้องคอยกังวล และไม่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ นอกจากนี้ การทำความสะอาดรองเท้าวิ่งที่ถูกวิธีจะช่วยรักษารูปทรงของรองเท้าและยืดอายุการใช้งานได้ หากคุณมีรองเท้าวิ่งคู่ใจแล้ว อย่าลืมแวะไปออกกำลังที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน หรือหากมองหาฟิตเนสดีๆ สามารถมาได้ที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา Activity Center แหล่งรวมกิจกรรมที่หลากหลายใจกลางย่านรัชดา ที่มี Jetts Fitness ตั้งอยู่ในโซน Activity Center / Shopping & Fashion ชั้น 2 พร้อมให้บริการคุณตลอด 24 ชั่วโมง และมีพนักงานคอยให้คำแนะนำวิธีการใช้ในช่วงกลางวัน จะสายวิ่งดึก วิ่งเช้า วิ่งบ่าย ก็สามารถมาวิ่งได้โดยไม่ต้องกังวล 

Related