5 ประโยชน์จากอะโวคาโด พร้อมชี้เป้าอะโวคาโดพันธ์ุไหนอร่อยสุด!
ไม่มีกำหนดอายุ

5 ประโยชน์จากอะโวคาโด พร้อมชี้เป้าอะโวคาโดพันธ์ุไหนอร่อยสุด!

"อะโวคาโด" ผลไม้ของคนรักสุขภาพที่เริ่มทวีความนิยมในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ มองไปทางไหนก็มีแต่อะโวคาโดขายเต็มไปหมด? เหตุผลที่คนไทยเริ่มหันมานิยมกินอะโวคาโดกันมากขึ้นก็เป็นเพราะคุณประโยชน์ของอะโวคาโด และราคาของอะโวคาโดที่ถูกลง เพราะสามารถปลูกได้เองในไทยนั่นเอง ซึ่งในอะโวคาโดนั้นมีสารอาหารที่หลากหลาย ทั้งช่วยป้องกันโรคได้ แถมยังสามารถกินได้หลายรูปแบบ หลากหลายเมนู หากคุณกำลังคิดอยากลองกินอะโวคาโดก็มาดูกันก่อนดีกว่าว่า อะโวคาโดมีประโยชน์อะไรบ้าง


5 ประโยชน์จากอะโวคาโด พร้อมชี้เป้าอะโวคาโดพันธ์ุไหนอร่อยสุด!


แหล่งของกรดไขมันชนิดดี

1. แหล่งของกรดไขมันชนิดดี

อะโวคาโดอุดมไปด้วยแหล่งของกรดไขมันดี ซึ่งเจ้าไขมันดีมีชื่อว่า Monounsaturated Fatty Acids (MUFA) ซึ่งเป็นกรดไขมันเชิงเดี่ยว ประโยชน์ของไขมัน MUFA คือ การเข้าไปช่วยลดระดับไขมันชนิดแอลดีแอลคอเลสเตอรอล (LDL-C) ซึ่งเป็นไขมันร้ายที่ทำให้ไขมันในเลือดสูง ส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง แต่ก็ไม่ได้ไปทำลายคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) 

แหล่งรวมวิตามิน และแร่ธาตุที่หลากหลาย

2. แหล่งรวมวิตามิน และแร่ธาตุที่หลากหลาย

ถ้าถามว่าอะโวคาโดมีสารอาหารอะไรบ้าง บอกได้เลยว่าเยอะมาก! อะโวคาโดเรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมวิตามินและแร่ธาตุที่หลากหลาย เรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมสารอาหารเอาไว้แบบจุกๆ ไม่ว่าจะเป็น วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเค วิตามินบี 6 กรดไขมันดี สารแคโรทีนอยด์ โซเดียม โพแทสเซียม และโฟเลต แถมยังมีโปรตีนสูงอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมอะโวคาโดจึงกลายเป็นผลไม้ยอดนิยมของคนรักสุขภาพ

ช่วยป้องกัน และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ

3. ช่วยป้องกัน และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ

ด้วยความที่อะโวคาโดเป็นแหล่งรวมวิตามินและสารอาหารต่างๆ ไว้มากมาย ทำให้อะโวคาโดเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ช่วย "ป้องกัน" และ "ลดความเสี่ยง" ต่อการเกิดโรคต่างๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • โรคเหน็บชา : อะโวคาโดมีวิตามินบีอยู่ เพราะฉะนั้นจึงช่วยป้องกันโรคเหน็บชาได้เมื่อกินเป็นประจำ 
  • โรคโลหิตจาง  : ด้วยคุณประโยชน์ของโฟเลทที่มีอยู่ในอะโวคาโดจึงทำให้อะโวคาโดมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคโลหิตจางได้ 
  • โรคหัวใจ : อะโวคาโดมีกรดไขมันดี มีใยอาหารสูง เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี และลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ 
  • โรคความดันโลหิตสูง : อะโวคาโดอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ซึ่งสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้หากกินต่อเนื่อง
  • บำรุงสายตา : สารต้านอนุมูลอิสระอย่าง ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) ที่มีอยู่ในอะโวคาโด มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา และลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจกได้อีกด้วย 

ช่วยบำรุงผิวพรรณ และเส้นผมให้แข็งแรง

4. ช่วยบำรุงผิวพรรณ และเส้นผมให้แข็งแรง

สำหรับใครที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ช่วยดูแลผิวพรรณและเส้นผม ห้ามมองข้ามคุณประโยชน์ของอะโวคาโดเป็นอันขาด เพราะอะโวคาโดถือเป็นอีกหนึ่งผลไม้บำรุงผิว โดยในอะโวคาโดมีน้ำมันที่ร่างกายสามารถดูดซึมเข้าไปได้ดีกว่าน้ำมันชนิดอื่นๆ และยังเต็มไปด้วยไขมันดี มีวิตามิน C และ E ซึ่งมีส่วนช่วยในการให้ความชุ่มชื้น ดูแลฟื้นฟูผิวพรรณที่มีอาการอักเสบ รอยแดง หรือเป็นสิว ที่สำคัญยังช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสียูวีอีกด้วย นอกจากนี้ น้ำมันจากผลอะโวคาโดยังช่วยให้ความชุ่มชื้น บำรุงเส้นผมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคนที่ผมแห้งเสีย และคนที่ต้องการเร่งการงอกของเส้นผม

ช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

5. ช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

อะโวคาโดเป็นอีกทางเลือกของคนอยากลดน้ำหนัก เพราะอะโวคาโดนั้นสามารถลดระดับโคเลสเตอรอลและไขมันเลว (LDL) ได้ อีกทั้งยังช่วยควบคุมน้ำหนักไม่ให้เพิ่มมากขึ้น และส่งเสริมทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Well-balanced Diet ที่ช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นและช่วยลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆ ได้อีกด้วย

<img alt="อะโวคาโดสายพันธุ์ไหนอร่อยที่สุด?" src="https://www.thestreetratchada.com/upload/contents/1668702044TSR-Nov-3-6.jpg" style="width: 100%; height: 100%;" />

อะโวคาโดสายพันธุ์ไหนอร่อยที่สุด?

อะโวคาโดหรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า ลูกเนย ด้วยรสชาติที่มีความมัน และเนื้อสัมผัสที่มีความเหมือนครีมคล้ายกับเนยนั่นเอง ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นอะโวคาโดเหมือนกัน แต่รสชาติและเนื้อสัมผัสของอะโวคาโดแต่ละพันธุ์ก็แตกต่างกันออกไป หากคุณอยากทำความรู้จักกับอะโวคาโดแต่ละสายพันธุ์ว่าอโวคาโดพันธุ์ไหนอร่อยที่สุดเพื่อที่จะได้เลือกซื้อกินให้อร่อยถูกปากก็มาติดตามดูกันเลย 

อะโวคาโดพันธุ์บูธ 7 (Booth 7)

อะโวคาโดพันธุ์บูธ 7 (Booth 7) เป็นอะโวคาโดลูกผสมระหว่างพันธุ์ Guatemalan และ West Indian ผลนั้นจะลักษณะค่อนข้างกลม ขนาดเล็กถึงปานกลาง ผิวมีสีเขียวค่อนข้างเนียน เนื้อนุ่มหนึบ ออกสีเหลือง รสชาติมัน ออกครีมมี่ ไม่หวาน รสชาติอร่อย กินง่าย สำหรับในประเทศไทยมีการปลูกอะโวคาโดสายพันธุ์นี้อยู่ด้วย ทำให้สามารถหาซื้อได้ง่าย แถมยังมีราคาที่ถูกอีกด้วย

อะโวคาโดพันธุ์บูธ 8 (Booth 8)

อะโวคาโดพันธุ์บูธ 8 (Booth 8) มีถิ่นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา มีขนาดไม่ใหญ่ ลักษณะผลเป็นรูปไข่ เก็บเกี่ยวในช่วงเดือนสิงหาคม เมื่อสุกเนื้อจะมีสีเขียวเหลือง เนื้อสัมผัสมีความหนึบ และครีมมี่ เปลือกหนาและขรุขระ อะโวคาโดพันธุ์บูธ 8 (Booth 8) พอหาซื้อในไทยได้ แต่ค่อนข้างหายากเพราะไม่ค่อยนิยมปลูก 

อะโวคาโดพันธุ์ปีเตอร์สัน (Peterson)

อะโวคาโดพันธุ์ปีเตอร์สัน (Peterson) มีลักษณะกลม ขนาดเล็กจนถึงปานกลาง มีน้ำหนักอยู่ระหว่าง 200-350 กรัมต่อลูก ผิวเปลือกเนียนสีเขียว เนื้อสีเหลืองอมเขียว มีรสชาติอมหวานอร่อย เนื้อครีมมี่ สามารถหาซื้อได้ในไทยผ่านเกษตรกรหรือทางโครงการหลวง 

อะโวคาโดพันธุ์บัคคาเนียร์ (ฺBuccaneer)

อะโวคาโดพันธุ์บัคคาเนียร์ (ฺBuccaneer) เป็นพันธุ์ที่ผลมีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ โดยน้ำหนักจะอยู่ระหว่าง 300-500 กรัม สำหรับอะโวคาโดพันธุ์นี้ให้ลูกดก เปลือกสีเขียวขรุขระ เนื้อมีสีเหลืองอ่อน รสชาติอร่อย เนื้อเนียนแน่น หอมมัน หาซื้อกินได้ง่ายมีขายทั่วไป ที่สำคัญราคาไม่แพง 

อะโวคาโดพันธุ์แฮสส์ (Haas)

อะโวคาโดพันธุ์แฮสส์ถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีรสชาติดีที่สุด มีแหล่งกำเนิดมาจากรัฐแคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกา ให้ผลผลิตทั้งปี ด้วยรสชาตินุ่มนวล คล้ายเนยและถั่ว เนื้อเหนียว เมื่อสุกเปลือกจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีดำเข้มเหลือบม่วง ในประเทศไทยเองก็มีการปลูกอะโวคาโดสายพันธุ์นี้อย่างแพร่หลาย สามารถหาซื้อมากินได้ง่ายๆ แต่ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ 

 ข้อควรระวังในการกินอะโวคาโด

ข้อควรระวังในการกินอะโวคาโด

คงรู้กันไปบ้างแล้วว่าอะโวคาโดมีประโยชน์อะไรบ้าง แต่ก็มีข้อควรระวังในการกินอยู่ เพราะถึงแม้ว่าอะโวคาโดจะประกอบไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย แต่ถ้าคุณไม่รู้วิธีการกินให้ถูกต้อง แทนที่จะได้ประโยชน์อาจจะได้โทษมาแทน 

  • ไม่ควรกินเกินวันละ 1 ลูก

อะโวคาโดที่มีรสชาติมันๆ กินไปเพลินๆ ก็อาจทำให้คุณกินเข้าไปเยอะแบบไม่รู้ตัว แต่รู้หรือไม่ว่าการกินอะโวคาโดมากกว่า 1 ลูกต่อวัน เป็นผลเสียมากกว่าผลดี ทางที่ดีคุณควรกินอะโวคาโดไม่เกิน 100 กรัมต่อวัน หรือครึ่งผลก็เพียงพอแล้ว เพราะอะโวคาโดแค่ผลเดียวก็ให้พลังงานที่เยอะซึ่งทำให้อ้วนได้ นอกจากนี้ การกินอะโวคาโดเยอะเกินไป จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และเสี่ยงต่อการเสียสมดุลของไขมันดีและไขมันเลว

  • ปอกอะโวคาโดให้ถูกวิธี

วิตามินและสารอาหารในอะโวคาโดสามารถพบได้ในบริเวณเนื้อของมัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการปอกอะโวคาโดให้ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะได้ไม่เสียส่วนที่มีคุณค่าทางสารอาหารออกไป คุณจึงจำเป็นที่จะต้องปอกให้ถูกวิธี โดยทำการผ่าครึ่ง จนมีดไปถึงเมล็ดด้านใน บิดอะโวคาโดออกมา แล้วใช้มีดสับไปที่เมล็ดและดึงเมล็ดออก จากนั้นลอกเปลือกอะโวคาโดได้เลย วิธีนี้จะทำให้เนื้อส่วนเขียวๆ ที่ติดกับเปลือกไม่หลุดไป เพราะในส่วนนี้มีสารอาหารที่เรียกว่า สารแคโรทีนอยด์อยู่ด้วย ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจ

  • เลือกกินอะโวคาโดที่สุกแล้วเท่านั้น

ผลไม้หลายๆ อย่างเราสามารถกินดิบหรือสุกก็ได้ แต่อะโวคาโดนั้นเป็นผลไม้ที่ไม่ควรกินดิบ ก่อนจะเลือกซื้ออะโวคาโดเราจึงควรมีความรู้ในการเลือกอะโวคาโดสักนิด เพื่อที่จะได้เลือกลูกที่สุกพอดี เพราะอะโวคาโดดิบนั้นมีรสขม เนื่องจากมีสารแทนนินปริมาณสูงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายหากกินเข้าไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการท้องผูก หรือท้องอืดได้



หลายๆ คนอาจจะไม่เคยกินอะโวคาโดมาก่อน หรือว่าเคยกินแล้ว แต่ไม่รู้ว่าอะโวคาโดมีประโยชน์อะไรบ้าง หรืออะโวคาโด้พันธุ์ไหนอร่อยที่สุด หลังจากอ่านบทความนี้อาจจะทำให้ทุกคนรู้แล้วว่าอะโวคาโดมีสารอาหารอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นแหล่งของไขมันดี ช่วยป้องกันในการเกิดโรคต่างๆ ที่สำคัญอะโวคาโดยังช่วยบำรุงเส้นผม และผิวพรรณได้อีกด้วย ที่สำคัญยังสามารถกินได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการกินกับขนมปัง ราดน้ำผึ้ง หรือกินแบบสลัด เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่ตอบโจทย์ของคนรักสุขภาพอย่างแน่นอน ดังนั้น ถ้าหากใครกำลังมองหาที่ซื้ออะโวคาโดที่มีรสชาติอร่อย และได้คุณภาพ ต้องแวะมาที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา Food Destination แหล่งรวมผัก และผลไม้ อย่าง Foodland Supermarket ตั้งอยู่ในโซน 24 Hrs. Supermarket / Foods & Restaurants ชั้น B ที่มีอะโวคาโด ผัก และผลไม้อื่นๆ ที่สด และใหม่ ให้ทุกคนได้เลือกจับจ่ายทุกวัน

Related