แชร์ทริค! สำหรับมือใหม่ เริ่มเล่นปิงปองอย่างไรให้เก่งเหมือนเซียน
ไม่มีกำหนดอายุ

แชร์ทริค! สำหรับมือใหม่ เริ่มเล่นปิงปองอย่างไรให้เก่งเหมือนเซียน

กีฬา “เทเบิลเทนนิส” หรือ “ปิงปอง” เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ เพราะมีอุปกรณ์ไม่มาก อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทั้งช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ช่วยฝึกสมาธิ และพัฒนาสมอง ที่สำคัญเทเบิลเทนนิสยังเป็นกีฬาที่สนุกอีกด้วย

สำหรับมือใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่มตีปิงปอง ควรศึกษาการจับไม้ปิงปองให้ถูกต้อง และสร้างความคุ้นเคยด้วยการฝึกเดาะลูกปิงปอง ซึ่งเป็นทักษะการเล่นปิงปองพื้นฐานที่ช่วยฝึกให้สายตาและมือทำงานประสานกันได้ดี นอกจากนี้ บทความนี้ยังมีทักษะดีๆ สำหรับมือใหม่ที่ช่วยให้เล่นปิงปองเก่งขึ้นได้อีกด้วย


สารบัญ ทริคการเล่นปิงปองสำหรับมือใหม่ ให้เก่งเหมือนเซียน


 

ประวัติ-ของ-กีฬา-ปิงปอง

ประวัติของกีฬาเทเบิลเทนนิส หรือปิงปอง

กีฬาปิงปองเป็นกีฬาที่นิยมเล่นกันในยุโรป โดยจะเล่นกันบนโต๊ะ เมื่อลูกกระทบกับโต๊ะจึงทำให้เกิดเสียงดัง “ปิ๊ก -  ป๊อก” ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า “ปิงปอง” ในปัจจุบัน แต่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “เทเบิลเทนนิส” เนื่องจากได้มีบริษัทการค้าเครื่องกีฬาจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าโดยใช้ชื่อว่า PINGPONG 

กีฬาเทเบิลเทนนิสได้แพร่กระจายไปยังประเทศอื่นๆ จนได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายประเทศ และได้มีการพัฒนาอุปกรณ์ และเทคนิคการเล่นขึ้นเรื่อยๆ ดังนี้ 

  • ค.ศ. 1890 (พ.ศ. 2433) เป็นปีที่กีฬาเทเบิลเทนนิส หรือปิงปองมีการเริ่มเล่นกันครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษ โดยใช้ไม้หุ้มหนังสัตว์ ตีลูกเซลลูลอยด์ที่ทำจากพลาสติกกึ่งสังเคราะห์ ซึ่งตีกันบนโต๊ะ 
  • ค.ศ. 1900 (พ.ศ. 2443) เริ่มมีการใช้ไม้ปิงปองติดยางเม็ดแทนการใช้หนังสัตว์ ทำให้รูปแบบการเล่นปิงปองแบบรุก หรือการบุกโจมตีมีการใช้ท่าหน้ามือ (Forehand) และหลังมือ (Backhand) มากขึ้น แต่ยังคงนิยมการจับไม้ปิงปองแบบสากลอยู่
  • ค.ศ. 1922 (พ.ศ. 2465) มีบริษัทการค้าเครื่องกีฬาจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าโดยใช้ชื่อว่า PINGPONG ทำให้กีฬาปิงปองต้องเปลี่ยนชื่อเป็น เทเบิลเทนนิส (Table Tennis) 
  • ค.ศ. 1926 (พ.ศ. 2469) เดือนธันวาคมได้มีการประชุมก่อตั้งสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ (International Table Tennis Federation) ขึ้นที่กรุงลอนดอน พร้อมกับมีการจัดการแข่งขันเทเบิลเทนนิสแห่งโลกครั้งที่ 1 ขึ้น
  • ค.ศ. 1950 (พ.ศ. 2493) ถือเป็นยุคที่กีฬาเทเบิลเทนนิสได้รับความสนใจในประเทศอื่นๆ มากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นที่เริ่มหันมาสนใจกีฬาชนิดนี้ และได้มีการปรับการเล่นโดยเน้นทักษะการเล่นปิงปองที่ตบลูกแบบแม่นยำ และหนักหน่วง 
  • ค.ศ. 1952 (พ.ศ. 2495) ญี่ปุ่นได้เข้าร่วมการแข่งขันเทเบิลเทนนิสโลกเป็นครั้งแรกที่กรุงบอมเบย์ ประเทศอินเดีย
  • ค.ศ. 1953 (พ.ศ. 2496) สาธารณรัฐประชาชนจีนได้เข้าร่วมการแข่งขันเทเบิลเทนนิสเป็นครั้งแรกที่กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย 
  • ค.ศ. 1953 - 1959 (พ.ศ. 2496 - 2502) ประเทศญี่ปุ่นใช้การจับไม้ปิงปองแบบจับปากกา และได้มีการพัฒนาไม้ปิงปองโดยใช้ยางเม็ดสอดไส้ด้วยฟองน้ำ นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังใช้เทคนิคการเล่นโดยใช้ปลายเท้าเป็นศูนย์กลางของการตีลูกแบบรุกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นสามารถเอาชนะในการแข่งขันกับยุโรปถึง 7 ครั้ง โดยชนะติดต่อกันถึง 5 สมัยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 - 1959 
  • ค.ศ.1957 (พ.ศ. 2500) ประเทศไทยได้มีการจัดตั้งสมาคมเทเบิลเทนนิสสมัครเล่นแห่งประเทศไทยขึ้นอย่างถูกต้องตามกฏหมาย 
  • ค.ศ. 1959 (พ.ศ. 2502) ได้เริ่มมีการจัดการแข่งขันรายการหลักของสมาคมฯ รวมทั้งมีการแข่งขันชิงแชมป์ถ้วยพระราชทานแห่งประเทศไทยด้วย
  • ค.ศ. 1960 (พ.ศ. 2503) ประเทศจีนสามารถเอาชนะญี่ปุ่นได้ด้วยวิธีการเล่นที่โจมตีแบบรวดเร็ว ผสมผสานกับการป้องกัน 
  • ค.ศ. 1961 (พ.ศ. 2504) ได้มีการจัดการแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงชนะเลิศ ครั้งที่ 26 ขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ในการแข่งขันครั้งนี้จีนชนะทั้งประเภทเดี่ยวและทีม 3 ครั้งติดต่อกัน
  • ค.ศ. 1971 (พ.ศ. 2514) นักเทเบิลเทนนิสชาวสวีเดน ชื่อ “สเตลัง เบนค์สัน” เป็นผู้เปิดศักราชใหม่ให้กับชาวยุโรป โดยการคว้าตำแหน่งชนะเลิศชายเดี่ยวของโลกไปครองได้สำเร็จ ในการแข่งขันเทเบิลเทนนิสเพื่อความชนะเลิศแห่งโลก ครั้งที่ 31 ณ กรุงนาโกย่า 
  • ค.ศ. 1973 (พ.ศ. 2516) นักเทเบิลเทนนิสทีมสวีเดนสามารถคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ ทำให้ชาวยุโรป มีความมั่นใจกับวิธีการเล่นที่ปรับปรุงมากขึ้น 
  • ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531) กีฬาเทเบิลเทนนิสได้ถูกบรรจุให้เป็นการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี

 

อุปกรณ์-หัดเล่น-ปิงปอง-สำหรับ-มือใหม่

อุปกรณ์สำหรับมือใหม่หัดเล่นปิงปอง

อุปกรณ์สำหรับการเล่นเทเบิลเทนนิสนั้นมี โต๊ะเทเบิลเทนนิส ตาข่าย ไม้ และลูกเทเบิลเทนนิส แต่สำหรับมือใหม่ที่หัดเล่นปิงปองไม่จำเป็นที่จะต้องมีทุกอย่าง เพียงแค่ไม้ และลูกเทเบิลเทนนิสก็เพียงพอแล้ว 

ในส่วนหน้าไม้ของไม้เทเบิลเทนนิสทั้งสองด้านจะต้องแบน เรียบ และแข็ง ความหนาของไม้อย่างน้อย 85% จะต้องทำด้วยไม้ธรรมชาติ หน้าไม้ที่ตีลูกจะต้องมีแผ่นยางปิดทับ ด้านหนึ่งต้องเป็นสีแดงสว่าง และอีกด้านเป็นสีดำไม่สะท้อนแสง ส่วนลูกเทเบิลเทนนิสจะต้องเป็นทรงกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักไม่เกิน 2.7 กรัม ทำด้วยเซลลูลอยด์ หรือวัสดุพลาสติกอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน ที่สำคัญจะต้องเป็นสีขาวหรือสีส้ม ที่มีคุณสมบัติเป็นสีด้าน

 

วิธี-การเล่น-เทเบิลเทนนิส

วิธีการเล่นเทเบิลเทนนิส

วิธีการเล่นเทเบิลเทนนิสนั้น มีวิธีการเล่นที่ไม่ซับซ้อน โดยเริ่มจากลำดับการเล่นว่าฝ่ายใดจะได้ส่งลูกก่อน หากเสิร์ฟลูกไม่ผ่าน หรือกรรมการพิจารณาแล้วว่ามีเหตุที่สมควรต้องส่งใหม่ ก็จะทำการส่งใหม่ ซึ่งจะแล้วแต่กรณีไป โดยวิธีการเล่นเทเบิลเทนนิสมีหลักง่ายๆ ดังนี้

  • การส่งลูก

ก่อนเริ่มส่งลูกเทเบิลเทนนิส ลูกจะต้องอยู่บนฝ่ามืออย่างอิสระ ในการส่งจะต้องโยนลูกให้ลอยขึ้นในอากาศห่างจากฝ่ามือไม่น้อยกว่า 16 เซนติเมตร โดยผู้ส่งจะต้องตีลูกให้กระทบในแดนของผู้ส่งก่อน แล้วข้ามตาข่ายไปกระทบแดนของผู้รับ 

สำหรับการส่งลูก ผู้เล่นแต่ละฝ่ายจะส่งลูกติดต่อกันสองครั้ง เมื่อครบสองครั้ง หรือเมื่อผู้เล่นฝ่ายใดได้สองคะแนน หรือสองฝ่ายได้คะแนนรวมกันสองคะแนน จะต้องเปลี่ยนผู้ส่ง ซึ่งจะผลัดกันส่งลูกแบบนี้ไปตลอดจนกว่าจะมีผู้ชนะ 

  • การรับลูก

เมื่อลูกเทเบิลถูกส่งออกไปฝั่งตรงข้ามอย่างถูกต้องแล้ว ฝ่ายรับจะต้องตีลูกให้ข้ามตาข่ายที่กั้นแดนกลับไป เพื่อให้ลูกกระทบโต๊ะในเขตแดนของฝั่งตรงข้าม หรือสัมผัสโดนส่วนใดส่วนหนึ่งของตาข่ายแล้วตกลงไปในแดนของอีกฝั่ง 

  • ลำดับการเล่น

สำหรับลำดับการเล่น ก่อนเริ่มเกมจะต้องมีการตกลงกันว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ส่งลูกเข้าเล่นก่อน ซึ่งจะเลือกด้วยการเสี่ยงทาย โดยผู้ที่ชนะในการเสี่ยงทายจะเป็นฝ่ายเลือก ทั้งนี้ ฝ่ายส่งจะต้องทำการส่งลูกอย่างถูกต้อง ฝ่ายรับรับลูกอย่างถูกต้อง และผลัดกันตีโต้ไปมา

  • การส่งใหม่

การส่งลูกใหม่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายกรณี เช่น เสิร์ฟลูกติดตาข่ายแต่ลูกข้ามไปแดนตรงข้าม กรรมการเห็นแล้วว่าฝ่ายรับยังไม่พร้อมที่จะรับลูก หรือกรรมการเห็นแล้วว่ามีเหตุรบกวนที่ไม่สามารถควบคุมได้ จนส่งผลต่อการส่ง - รับลูก กรรมการก็จะให้เสิร์ฟใหม่

 

การนับคะแนนปิงปอง

วิธีการเล่นเทเบิลเทนนิสนั้น นอกจากการตีโต้จะถูกสั่งให้เป็นเลท หรือว่าได้คะแนนแล้ว ผู้เล่นยังสามารถได้คะแนนในกรณีอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามส่งลูกไม่ถูกต้อง รับลูกไม่ได้อย่างถูกต้อง ขวางลูก หรือตีลูกติดต่อกันสองครั้ง เป็นต้น สำหรับการนับคะแนนปิงปองในเกมการแข่งขัน และแบบแมตช์การแข่งขันนั้นมีความแตกต่างกัน ดังนี้  

  • เกมการแข่งขัน

สำหรับการนับคะแนนปิงปองในเกมการแข่งขัน ฝ่ายใดที่สามารถทำคะแนนได้ 11 คะแนนก่อนจะถือว่าเป็นผู้ชนะ แต่หากทั้งสองฝ่ายได้ 10 คะแนนเท่ากัน จะต้องแข่งขันต่อจนกว่าจะมีฝ่ายใดทำคะแนนได้เหนือกว่าคู่แข่งขัน 2 คะแนน จะถือว่าเป็นผู้ชนะในเกมนั้นไป

  • แมตช์การแข่งขัน

แมตช์การแข่งขันจะประกอบไปด้วยเกมการแข่งขันที่มีจำนวนเป็นเลขคี่ เช่น 3 5 หรือ 7 การที่จะชนะในแมตช์การแข่งขันได้ จะต้องชนะ 2 ใน 3 เกม, 3 ใน 5 เกม, หรือ 4 ใน 7 เกม ซึ่งการเล่นจะต้องดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ห้ามหยุด ยกเว้นจะมีผู้เล่นขอหยุดพัก ซึ่งจะพักได้ไม่เกิน 5 นาที และจะพักได้เฉพาะหลังเกมที่ 3 ก่อนเริ่มเกมที่ 4 เท่านั้น

 

วิธี-การจับ-ไม้ปิงปอง

วิธีการจับไม้ปิงปอง

การจับไม้ปิงปองให้ถูกต้องถือเป็นทักษะการเล่นปิงปองพื้นฐานที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากเริ่มต้นผิดตั้งแต่การจับไม้ปิงปอง จะส่งผลทำให้เล่นเทเบิลเทนนิสผิดวิธีตามไปด้วย รวมถึง ทำให้คุณไม่สามารถควบคุมการเล่นได้อีกด้วย ดังนั้น การจับไม้ปิงปองให้ถูกจึงถือเป็นเรื่องที่ควรฝึก ซึ่งรูปแบบที่นิยมในการจับนั้นมี 2 รูปแบบด้วยกัน ดังต่อไปนี้

  • การจับไม้แบบสากล

การจับไม้แบบสากล เป็นรูปแบบการจับไม้ปิงปองที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในแถบประเทศยุโรป ที่สำคัญเป็นรูปแบบการจับไม้ปิงปองที่เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่มเริ่มต้นเล่น โดยมีวิธีการจับดังนี้

  1. ใช้มือข้างที่ถนัดจับไม้ปิงปอง เหมือนกับว่ากำลังเชคแฮนด์ โดยจับด้ามไม้ให้อยู่ระหว่างนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้
  2. วางนิ้วหัวแม่มือไว้บนหน้าไม้ ด้านที่จะใช้สำหรับตีลูกหน้ามือ บริเวณโคนไม้
  3. วางนิ้วชี้ขนานไปตามแนวของปลายโคนไม้ บนหน้าไม้อีกด้าน สำหรับการตีลูกหลังมือ 
  4. งอนิ้วที่เหลือกำรอบด้ามไม้ ให้พอดีมือ สบายๆ ไม่ต้องเกร็ง 
  • การจับไม้แบบจับปากกา หรือจับแบบจีน

การจับไม้แบบการจับปากกา เป็นรูปแบบการจับไม้ปิงปองที่นิยมในผู้เล่นแถบประเทศเอเชีย ซึ่งรูปแบบการจับไม้แบบนี้จะช่วยให้ผู้เล่นมีความคล่องตัวในการเคลื่อนที่สูง ตีลูกได้เร็ว เหมาะสำหรับการเล่นเกมบุก ซึ่งมีวิธีการจับ ดังนี้

  1. จับไม้ปิงปองในลักษณะเหมือนการจับปากกา
  2. วางนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ประกบกัน จับด้ามไม้ไว้ด้านหนึ่ง
  3. งอนิ้วที่เหลือทั้ง 3 นิ้วบนหน้าไม้อีกด้าน เพื่อประคองไม้ หรือวางนิ้วในแนวราบลงบนส่วนล่างของไม้ก็ได้

 

ทริค-ฝึก-ทักษะ-การ-เล่นปิงปอง

ทริคฝึกทักษะการเล่นปิงปองให้ดี

การจับไม้ปิงปองให้ถูกต้องถือเป็นทักษะการเล่นปิงปองเบื้องต้นที่ผู้เล่นควรทำให้ถูกต้อง เพื่อที่จะควบคุมการเล่นได้อย่างดี นอกจากนี้ ยังมีทักษะการเล่นปิงปองอีกมากมาย ที่ช่วยให้การเล่นของเรานั้นตอบโต้ฝั่งตรงข้ามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

  • ทักษะการตีลูกบอลแบบ Half Volley หรือ Block Shots

ทักษะการเล่นปิงปองแบบ Half Volley หรือ Block Shots เป็นทักษะตีลูกแบบรับยัน เมื่อลูกปิงปองพุ่งขึ้นมาจากโต๊ะ ให้ตีลูกในทันทีทันใด และจะต้องบล็อกให้เร็วในจังหวะก่อนที่ลูกจะขึ้นถึงจุดสูงสุด ทักษะการตีลูกแบบ Half Volley หรือ Block Shots เป็นการตอบโต้อย่างรวดเร็ว เพื่อรับลูกที่พุ่งมาอย่างแรงและเร็ว 

  • ทักษะการตีลูกบอลแบบลูกโด่ง (Balloon Stroke)

ทักษะการตีลูกบอลแบบลูกโด่ง เป็นทักษะการเล่นปิงปองแบบตั้งรับ เมื่อเกิดเสียจังหวะในการเล่น จนไม่สามารถตีลูกในทักษะอื่นๆ ได้ หรือขณะที่ถอย เพื่อรับลูกจากฝั่งตรงข้าม ให้โต้กลับด้วยการตีลูกแบบโด่ง โดยผู้เล่นจะต้องพยายามโยนลูกบอลให้ลอยสูงสุด และให้ลูกบอลตกกระดอนใกล้ขอบโต๊ะของเขตแดนฝ่ายรับให้มากที่สุด หลังจากตีลูกในทักษะนี้แล้ว ผู้เล่นจะต้องเริ่มเกมรุกในทันที เพื่อเล่นต่อ

  • ทักษะการตีลูกบอลแบบลูกหยอด (Drop Shot)

ทักษะการเล่นลูกหยอด เป็นการตีลูกปิงปองให้ตกใกล้ตาข่ายในเขตแดนของฝ่ายรับ ถือเป็นทักษะการเล่นปิงปองที่หลอกล่อคู่ต่อสู้ให้รับลูกไม่ทัน โดยที่ผู้เล่นจะต้องคาดคะเนขนาดของแรงตี และจุดตกกระดอนของลูกให้ดี เพราะหากลูกติดตาข่ายอาจทำให้เราไม่ได้แต้ม 

  • ทักษะของการตีลูกพุ่งไปข้างหน้า (Drive Stroke)

การเล่นปิงปอง ผู้เล่นจะต้องบังคับลูกให้ไปในทิศทางที่ต้องการ ที่สำคัญจะต้องตีลูกที่เร็วและแรง เพื่อให้ได้เปรียบในการรุก ทักษะการเล่นปิงปอง โดยเฉพาะทักษะการตีลูกพุ่งไปข้างหน้า เป็นการทำให้ลูกพุ่งไปข้างหน้าเป็นวิถีเส้นตรง เพื่อที่ลูกบอลจะข้ามตาข่ายไปยังเขตแดนของคู่ต่อสู่ได้อย่างเร็วและแรง 

  • ทักษะของการเสิร์ฟหรือส่งลูกบอล (Serve)

ทักษะในการเสิร์ฟลูกเป็นอีกหนึ่งทักษะการเล่นปิงปองพื้นฐาน โดยผู้เล่นจะต้องยืนห่างโต๊ะประมาณ 1 - 2 ฟุต ถือลูกปิงปองโดยให้นิ้วทั้ง 4 เรียงชิดกัน โยนลูกปิงปองขึ้นในอากาศแนวดิ่ง ส่งแรงจากแขน หัวไหล่ ลำตัว และถ่ายเทน้ำหนักจากเท้าหลังไปที่เท้าหน้า เพื่อเป็นการส่งเสริมแรงในการตี เพื่อให้ลูกบอลมีความเร็วแรง ที่สำคัญผู้เล่นจะต้องควบคุม และบังคับวิถีของลูกปิงปองให้ดีด้วย

 

ประโยชน์-ของ-การ-เล่น-ปิงปอง

ประโยชน์ของการเล่นปิงปอง

ปิงปองเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมทั้งในผู้ชายและผู้หญิง เพราะเป็นกีฬาที่มีความสนุกสนาน มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ การเล่นปิงปองยังเป็นการฝึกสมาธิ ช่วยพัฒนาสมอง และฝึกไหวพริบได้อีกด้วย ดังนี้ 

  • ช่วยฝึกสมาธิ

ระหว่างเกมการแข่งขันผู้เล่นทั้งสองฝ่ายจะต้องเพ่งสมาธิและรวมสายตาไว้ที่ลูกปิงปองเป็นหลัก เพื่อไม่ให้พลาดท่าเสียทีไปกับฝ่ายตรงข้าม ดังนั้น ปิงปองจึงเป็นกีฬาที่ช่วยฝึกสมาธิให้กับผู้เล่นได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ระหว่างการแข่งขัน ผู้เล่นยังต้องคิด และประเมินการเล่นของอีกฝั่งไปด้วย ว่าควรจะตอบโต้กลับอย่างไร ที่จะทำให้ตัวเองได้แต้ม

  • เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

การเล่นปิงปองจะต้องอาศัยการทำงานของกล้ามเนื้อในหลายๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อแขนที่จะต้องคอยรับ - ส่งลูกปิงปองอยู่ตลอด หรือ กล้ามเนื้อหลัง และหัวไหล่ที่จะต้องคอยทรงตัว และควบคุมร่างกาย รวมทั้ง กล้ามเนื้อขาที่จะต้องโยกไปมา เพื่อตอบโต้การตีของฝั่งตรงข้าม ซึ่งกล้ามเนื้อทั้งหมดนี้จะต้องทำงานอย่างสอดคล้องกันขณะที่เล่นปิงปอง 

ทำให้ผู้ที่เล่นกีฬาปิงปองอย่างสม่ำเสมอมีกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ เหล่านี้แข็งแรง และมีกำลังมาก ที่สำคัญการเล่นปิงปองยังช่วยส่งเสริมให้มีบุคลิกภาพที่ดี รูปร่างกระชับ และมีความกระฉับกระเฉง เพราะกีฬาชนิดนี้จะต้องใช้ความคล่องแคล่วว่องไวร่วมด้วย

  • ช่วยพัฒนาสมอง และไหวพริบ

นอกจากช่วยส่งเสริมกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และช่วยฝึกสมาธิแล้ว การเล่นปิงปองยังมีส่วนช่วยพัฒนาสมอง และไหวพริบอีกด้วย เพราะว่าผู้เล่นจะต้องมีการวางแผนและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในขณะที่เล่น เพื่อให้สามารถตอบโต้กลับในระยะเวลาที่สั้น หากคิดช้าเพียงเสี้ยววิอาจทำให้พลาดจนต้องเสียแต้มไปได้ เมื่อได้รับการฝึกฝนบ่อยๆ สมองก็จะได้คิดอยู่อย่างซ้ำๆ การเล่นปิงปองจึงช่วยพัฒนาสมองได้

 

The-Street-Arena-สนามปิงปอง-indoor

The Street Arena สนามปิงปอง Indoor ใจกลางเมือง

สำหรับมือใหม่ที่กำลังหาที่ฝึกปรือฝีมือ หรือผู้ที่สนใจการเล่นปิงปองและกำลังมองหาสนามปิงปองดีๆ ที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา เปิดให้บริการ The Street Arena สนามกีฬาครบวงจร ที่มีความหลากหลาย เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพและการออกกำลังกาย ซึ่งมีสนามกีฬาให้เลือกหลากหลายประเภท เช่น สนามบาสเกตบอล สนามฟุตซอล สนามแบดมินตัน รวมถึง มีบริการให้เช่าโต๊ะเทเบิลเทนนิส ที่มีขนาดตามมาตรฐานสากลอีกด้วย 

  • เวลาเปิดให้บริการ

ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา เปิดให้บริการ The Street Arena ซึ่งมีโต๊ะเทเบิลเทนนิส หรือโต๊ะปิงปองขนาดมาตราฐานให้เช่า เพื่อให้คุณได้ฝึกฝีมือในการเล่นปิงปองให้คล่องขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นสถานที่พบปะเพื่อนฝูง และทำกิจกรรมร่วมกันอีกด้วย ซึ่งโต๊ะปิงปองจะเปิดให้บริการทุกวันในช่วงระหว่างเวลา 10:00 - 24:00 นาฬิกา

  • อัตราค่าใช้บริการ

โต๊ะปิงปองที่ The Street Arena เป็นโต๊ะปิงปองมาตรฐานที่สามารถใช้สำหรับฝึกซ้อมได้ โดยจะมีอัตราค่าบริการชั่วโมงละ 100 บาท สำหรับผู้ที่ต้องการจองโต๊ะปิงปองสามารถจองได้ที่ Line: @thestreetratchada


กีฬาเทเบิลเทนนิส หรือปิงปอง เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากชนิดหนึ่ง เพราะวิธีการเล่นเทเบิลเทนนิสนั้นไม่ยุ่งยาก ไม่ว่าจะเป็นกฎ หรือกติกาการนับคะแนนปิงปอง ที่สำคัญยังเป็นกีฬาที่นอกจากมีความสนุกแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายๆ ด้าน ทั้งช่วยฝึกสมาธิ ส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และช่วยพัฒนาสมอง สำหรับมือใหม่ที่เริ่มต้นเล่นปิงปอง จะต้องเตรียมอุปกรณ์และฝึกทักษะเบื้องต้นให้พร้อม เริ่มด้วยการจับไม้ปิงปองให้ถูก หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ฝึกทักษะการเล่นปิงปองอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชำนาญมากขึ้น สำหรับใครที่กำลังมองหาโต๊ะเทเบิลเทนนิสให้เช่า ที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา Activity Center แหล่งพบปะของคนรักสุขภาพ ด้วยศูนย์ออกกำลังกายหลายรูปแบบ รวมถึง The Street Arena ที่เปิดให้บริการสนามกีฬาในร่ม เช่น สนามบาสเกตบอล สนามฟุตซอล สนามแบดมินตัน รวมถึง โต๊ะเทเบิลเทนนิส ที่มีขนาดมาตรฐานสากล พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันไว้คอยให้บริการ

Related