The Street Share: ชวนไปดูสาเหตุของการนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ รู้สึกนอนไม่พอ ง่วงตอนกลางวัน เสี่ยงโรคร้าย สมองล้า ร่างกายอ่อนแรง และเสี่ยงภาวะซึมเศร้า พร้อมวิธีป้องกัน นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ ง่วงตอนกลางวัน เสี่ยงโรคร้าย และร่างกายอ่อนแรง
ไม่มีกำหนดอายุ

นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ ง่วงตอนกลางวัน เสี่ยงโรคร้าย และร่างกายอ่อนแรง

นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ ง่วงตอนกลางวัน อาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายอ่อนแรง หรือเสี่ยงโรคร้ายบางอย่าง เพราะการนอนหลับถือเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด ยิ่งเรานอนให้เพียงพอยิ่งส่งผลดีต่อทั้งสุขภาพร่างกาย และสุขภาพจิตใจ ทำให้อ่อนกว่าวัย สร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย จิตใจแจ่มใส ไม่หงุดหงิดง่าย อารมณ์ดี สมองปลอดโปร่ง คิดอะไรได้รวดเร็วลื่นไหล แต่หากนอนหลับมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย และจิตใจได้เช่นกัน หากรู้สึกง่วงตอนกลางวัน หรือรู้สึกว่านอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ แม้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในตอนกลางคืนแล้ว นั่นอาจเป็นสาเหตุที่เสี่ยงต่อโรคง่วงนอนมากกว่าปกติก็เป็นได้

 

The Street Share อยากชวนไปดูสาเหตุของการนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ รู้สึกนอนไม่พอ และง่วงตอนกลางวัน ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคร้าย สมองล้า ร่างกายอ่อนแรง หรือเสี่ยงภาวะซึมเศร้าที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง พร้อมอาการที่สังเกตได้ ผลเสียที่ตามมาให้คุณผู้อ่านได้ศึกษา เรียนรู้ และทำความเข้าใจ เพื่อหาวิธีป้องกัน และแก้ไขไม่ให้ป่วยเป็นโรคง่วงนอนมากกว่าปกติกัน

สารบัญ นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ ง่วงตอนกลางวัน เสี่ยงโรคร้าย และร่างกายอ่อนแรง


การนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ สัญญาณของโรคร้ายการนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ สัญญาณของโรคร้าย

การนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ อาจเป็นสัญญาณของ “โรคง่วงนอนมากกว่าปกติ” (Hypersomnia) ซึ่งเป็นโรคที่ผู้ป่วยจะรู้สึกง่วงตอนกลางวัน และกลางคืน แม้นอนหลับเพียงพอเกิน 8 ชั่วโมงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังรู้สึกนอนไม่พออยู่ดี หรือมีอาการอ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกว่าอยากกลับไปนอนอีก สามารถนอนต่อได้เรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน แม้ว่าจะได้งีบหลับระหว่างวันหลายครั้ง แต่ก็ยังรู้สึกง่วงอยู่ ทำให้ดูไม่มีชีวิตชีวา เฉื่อยชา และทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ได้ช้าลง นอกจากนี้ ยังส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการเรียน การทำงาน หรือรุนแรงจนเกิดโรคต่างๆ ตามมา เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคซึมเศร้า หรืออาจทำให้หยุดหายใจขณะหลับ จนถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็ได้ ดังนั้น เราจึงควรตระหนักถึงความสำคัญของอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเป็นอาการที่นำไปสู่โรคง่วงนอนมากกว่าปกตินั่นเอง

อาการของการนอนเท่าไหร่ก็ไม่พออาการของการนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ

อาการของการนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ ไม่ใช่อาการของคนที่ง่วงนอนแบบปกติ แต่เป็นอาการง่วงนอนที่ผิดปกติ คือผู้ป่วยจะรู้สึกง่วงนอนมากกว่าคนทั่วไป ซึ่งสามารถสังเกตได้ดังนี้

  • มีอาการขี้เซา ง่วงนอนตลอดทั้งวัน ถ้าได้หลับแล้วจะตื่นยากมาก
  • นอนได้ทั้งวัน สามารถงีบหลับได้วันละหลายครั้ง แต่ก็รู้สึกนอนไม่พออยู่ดี

  • เวลาตื่นนอนแล้วรู้สึกไม่สดชื่น เหมือนยังนอนไม่เต็มอิ่ม รู้สึกอ่อนล้า หมดแรง และอยากกลับไปนอนต่ออีกเรื่อยๆ

  • เมื่อถูกปลุกให้ตื่น มักมีอาการสับสน หงุดหงิด หรือไม่พอใจ

  • มีอาการสมองล้า เฉื่อยชา คิดอะไรไม่ค่อยออก สมองไม่ค่อยแล่น

สาเหตุการนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอสาเหตุการนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ

สาเหตุของการนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ รู้สึกนอนไม่พอ ง่วงตอนกลางวัน ของโรคง่วงนอนมากกว่าปกติ ไม่ได้เกิดจากการนอนไม่พอเพียงอย่างเดียว ดังนั้น เรามาดูสาเหตุที่แท้จริงของโรคนี้กันดีกว่า

  • เกิดจากการอดนอนบ่อยสะสมมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้ร่างกายรู้สึกว่านอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ

  • นอนไม่ตรงเวลา นาฬิกาชีวิตเสีย ซึ่งอาจเกิดจากการเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ และปรับตัวไม่ได้

  • สารเคมีในสมอง หรือฮอร์โมนในร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้รู้สึกนอนไม่พอ

  • มีอาการนอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ

  • สมองได้รับการกระทบกระเทือน บาดเจ็บ หรือมีโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับสมอง

  • การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ ยาคลายเครียด ยานอนหลับ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้คลื่นไส้

  • เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ

  • น้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน

  • การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ

ผลเสียของการนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ

ผลเสียของการนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ

การนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ รู้สึกนอนไม่พอ ง่วงตอนกลางวัน ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตใจอีกด้วย ซึ่งอาจทำให้ป่วยเป็นโรคต่างๆ มากมายที่เป็นอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย เรามาดูกันดีกว่าว่าผลเสียนั้นมีอะไรบ้าง

  • สมองทำงานช้าลง ทำให้เกิดความเฉื่อยชา คิดอะไรได้ไม่เร็ว หัวไม่แล่น เพราะการนอนมากเกินไปจะทำร้ายสมอง ทำให้ร่างกายดูไม่มีชีวิตชีวา รู้สึกมึนงงตลอดเวลา และยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน เพราะการเคลื่อนไหว หรือขยับร่างกายที่น้อยลงอีกด้วย

  • เกิดโรคอ้วนได้ง่าย เพราะการนอนมากเกินไป ทำให้เคลื่อนไหวร่างกายได้น้อยลง และต่อให้กินน้อยก็อ้วนได้ เพราะระบบการเผาผลาญทำงานได้ไม่ดี ส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น

  • เกิดภาวะซึมเศร้า ทำให้รู้สึกไม่ค่อยมีความสุข อารมณ์แปรปรวนง่าย เพราะการนอนสัมพันธ์การสารแห่งความสุขที่ชื่อว่า “เซโรโทนิน” และ “เอ็นดอร์ฟิน” ซึ่งการนอนที่มากจนเกินไป อาจส่งผลทำให้สารเคมีแห่งความสุขเหล่านี้ลดน้อยลงได้

  • มีบุตรยาก การนอนมากเกินอาจทำให้เกิดภาวะการมีบุตรยาก และประจำเดือนมาไม่ปกติในเพศหญิง เนื่องจากฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกายทำงานผิดปกตินั่นเอง โดยมีผลสำรวจว่าผู้หญิงที่นอนนานเกินวันละ 9 ชั่วโมงจะมีโอกาสมีบุตรได้น้อยกว่าผู้หญิงที่นอนวันละ 7-8 ชั่วโมง

  • เกิดภาวะหยุดหายใจเฉียบพลัน เนื่องจากสัญญาณของสมองที่ดับนานเกินไป ทำให้เกิดเป็นเนื้อสมองตาย หรืออาจเกิดอาการใหลตายได้

  • เสียชีวิตเร็วกว่าคนปกติ จากผลสำรวจพบว่าคนที่นอนมากกว่าปกติ นอนนานกว่า 9 ชั่วโมงต่อวัน จะมีโอกาสเสียชีวิตเร็วกว่าคนทั่วไป หรือคนที่นอน 7-8 ชั่วโมง สูงถึง 1.3% เพราะร่างกายไม่ค่อยได้ขยับเคลื่อนไหว ทำให้ขาดออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงสมอง และส่วนต่างๆ ของร่างกาย

วิธีการป้องกัน และรักษาภาวะนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ

วิธีการป้องกัน และรักษาภาวะนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ

การนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ รู้สึกนอนไม่พอ ง่วงตอนกลางวัน สามารถป้องกัน และรักษาได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยมีข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้

  • เข้านอนให้ตรงเวลา เข้านอนเวลาเดิมทุกวัน โดยเวลาเข้านอนที่เหมาะสมคือไม่ควรเกิน 4 ทุ่ม ควรนอนประมาณ 7-8 ชั่วโมง และตื่นในเวลาเดิมทุกวัน คือเวลาประมาณ 5-6 โมงเช้านั่นเอง เมื่อตื่นแล้วให้ลุกขึ้นเลย อย่าต่อเวลานอนเพิ่มไปอีก หากทำแบบนี้ติดต่อกันได้ 28 วัน ร่างกายก็จะคุ้นเคย และเป็นไปเองตามอัตโนมัติ

  • อาบน้ำก่อนเข้านอน เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย รู้สึกตัวเบาสบาย ทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น เพราะหากไม่อาบน้ำก่อนนอน อาจทำให้รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว ส่งผลให้นอนไม่ค่อยหลับได้

  • จัดห้องนอนให้มีอากาศที่สะอาดถ่ายเท โล่งโปร่ง เพื่อสามารถรับออกซิเจนได้อย่างเต็มที่

  • ไม่ควรนอนตอนกลางวัน ควรนอนเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น หากง่วงจริงๆ ให้งีบหลับระหว่างวันได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะหากเกินกว่านั้น จะทำให้ตอนกลางคืนนอนหลับยากขึ้นนั่นเอง

  • อย่าบังคับไม่ให้ตัวเองไม่นอน เมื่อถึงเวลานอนก็ควรนอนทันที เพราะการบังคับให้ตัวเองไม่นอน อาจทำให้นอนมากเกินไป ทำให้คุณภาพการนอนลดลง รวมถึงส่งผลเสียต่อร่างกาย และจิตใจอีกด้วย

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ วันละประมาณ 30 นาที จะช่วยให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น

  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพราะน้ำหนักที่มากเกินไป จะทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนล้า และง่วงตอนกลางวันได้ง่าย

  • หากิจกรรมเบาๆ ทำก่อนนอน เช่น อ่านหนังสือ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ไม่ควรเล่นมือถือ หรือใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหนักๆ ก่อนนอนอย่างน้อย 4 ชั่วโมงขึ้นไป

  • รับประทานอาหารที่ดี และมีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกของทอด ของมัน แป้งและน้ำตาล ของหวานต่างๆ เพราะจะทำให้ร่างกายติดความหวาน และเวลาที่น้ำตาลตก หรือได้รับน้ำตาลไม่เพียงพอ ร่างกายจะรู้สึกอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก จนทำให้รู้สึกง่วง และรู้สึกนอนไม่พอตามมา

  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน รวมถึงแอลกอฮอล์ เพราะทำให้นอนหลับได้ยากขึ้น และคุณภาพในการนอนหลับลดลง

  • หากในช่วงกลางวันรู้สึกง่วง หรืออ่อนเพลีย ให้ดื่มน้ำมากๆ เพราะจะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นได้

  • ไม่ควรใช้ยานอนหลับ ถ้าไม่จำเป็น ควรใช้ตามแพทย์สั่งเท่านั้น และไม่ควรซื้อยามากินเอง เพราะอาจทำให้ติดยานอนหลับ และเป็นอันตรายต่อร่างกายได้

หากปฏิบัติตามวิธีป้องกันที่กล่าวมาแล้วครบทุกข้ออย่างเป็นประจำ แต่ยังไม่หาย หรือมีอาการหนักมากขึ้น แนะนำว่าต้องไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพื่อทำการรักษาด้วยการใช้ยา หรือการบำบัด ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างจริงจัง

สรุป 

การนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ รู้สึกนอนไม่พอ และง่วงตอนกลางวัน เป็นโรคชนิดหนึ่งที่ต้องได้รับการป้องกัน และรักษาอย่างถูกวิธี เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตใจ หน้าที่การงาน การเรียน หรืออาจป่วยเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ ที่รักษาให้หายขาดได้ยาก นอกจากนี้ อาจทำให้มีปัญหากับคนในที่ทำงาน หรือในห้องเรียน เพราะการส่งงานล่าช้า การทำงานผิดพลาด หรือถูกหัวหน้าดุ เพราะเผลอหลับระหว่างเวลางาน ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถป้องกัน และรักษาได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการกิน การนอน การออกกำลังกาย และการพักผ่อนที่เหมาะสม

 

สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อน คลายเครียด ออกกำลังกาย รวมถึงการบำบัดสุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ตอบโจทย์ และครอบคลุม ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา มี Activity Center แหล่งรวมกิจกรรม เติมความสุขทุกไลฟ์สไตล์ที่ใช่สำหรับคุณ เพื่อให้คุณได้ผ่อนคลาย และสนุกได้เต็มที่ พร้อมส่งเสริมการนอนที่มีประสิทธิภาพ เช่น การผ่อนคลายและฟื้นฟูร่างกายด้วยบริการนวดสปา บริการคลินิกกายภาพบำบัดที่จะช่วยดูแลสุขภาพของคุณจากการทำงานที่เหนื่อยล้า หรือหากคุณเป็นคนชอบออกกำลังกายสายรักสุขภาพ ที่นี่ยังมีฟิตเนสที่พร้อมให้บริการคุณตลอด 24 ชั่วโมง ยิมมวยไทยลดน้ำหนัก และลานกีฬาที่ทันสมัยใจกลางเมือง หากพร้อมแล้ว อย่ารอช้า ไปใช้บริการกันได้เลย!

Related