The Street Share: เพลิดเพลินไปกับความบันเทิงทุกสไตล์ บทความนี้จะมาแนะนำหนัง และซีรีส์น่าดูใน Netflix ที่จะมอบความบันเทิงให้เวลาว่างไม่เหงา เปล่าประโยชน์อีกต่อไป รวม 13 หนังและซีรีส์แนะนําใน Netflix การันตีความสนุก จัดเต็มทุกสไตล์
ไม่มีกำหนดอายุ

รวม 13 หนังและซีรีส์แนะนําใน Netflix การันตีความสนุก จัดเต็มทุกสไตล์

ดูอะไรดี? คำถามโลกแตกที่ถามใครก็ไม่ได้คำตอบ ถามตัวเองยิ่งไม่ได้คำตอบเข้าไปใหญ่ เพราะในปัจจุบันมีหนัง และซีรีส์มากมายให้ได้เลือกสรร แต่ปัญหาคือ ยิ่งมีให้เลือกมากเท่าไร ก็ยิ่งเลือกยากมากเท่านั้น สตรีมมิ่งแต่ละเจ้าจึงมีการแยกประเภทไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้ชมได้เพลิดเพลินไปกับความบันเทิงทุกสไตล์ โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มสุดฮิตอย่าง Netflix สตรีมมิ่งเจ้าดังที่รวบรวมหนัง และซีรีส์น้ำดี มีคุณภาพมาเสิร์ฟให้กับผู้ชมแล้ว บทความนี้จึงจะมาแนะนำหนัง และซีรีส์น่าดูใน Netflix ที่จะมอบความบันเทิงให้เวลาว่างไม่เหงา เปล่าประโยชน์อีกต่อไป

รวม 13 หนังและซีรีส์แนะนําใน Netflix การันตีความสนุก จัดเต็มทุกสไตล์


ทำไม Netflix จึงเสิร์ฟความบันเทิงได้ทุกรูปแบบ

ทำไม Netflix จึงเสิร์ฟความบันเทิงได้ทุกรูปแบบ

แม้ในปัจจุบันจะมีแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งหลายๆ เจ้า และต่างฝ่ายก็พยายามที่จะดึงจุดโดดเด่นไม่เหมือนใคร ขึ้นมาชูเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ชมในแต่ละกลุ่ม แล้วทำไมต้องเลือกแพลตฟอร์มอย่าง Netflix เพื่อตอบสนองความบันเทิงของเรา? 

ต้องบอกเลยว่า Netflix มีระบบอัลกอริทึมสุดอัจฉริยะที่จะสามารถคัดแยกประเภทของหนัง และซีรีส์ได้อย่างน่าสนใจ และตอบสนองความต้องการของผู้ชมได้เป็นอย่างดี เสมือนเป็นกล้อง CCTV ที่คอยสังเกตพฤติกรรมของเราอยู่ตลอดเวลา ไม่เพียงเท่านั้น ยังรู้ลึกไปถึงความคิด ความชอบ และไลฟ์สไตล์ส่วนตัว จึงทำให้แพลตฟอร์มอย่าง Netflix ดูง่าย ไม่ต้องเสียเวลาหาหนัง หรือซีรีส์ให้เสียเวลาเลย

รวมเด็ด 13 หนัง และซีรีส์น้ำดี มีคุณภาพใน Netflix

หนัง และซีรีส์ให้อะไรมากกว่าที่เราคิด ไม่ว่าจะเป็นการฝึกภาษา การเรียนรู้วัฒนธรรมที่หลากหลาย หรือการทำเปิดใจกับแนวคิดต่างๆ ที่ไม่คุ้นชิน มาดูกันว่ามีหนัง หรือซีรีส์เรื่องไหนที่น่าสนใจบ้างกันได้เลย ดังนี้

1. 65

เริ่มกันด้วยหนังเน็ตฟลิกน่าดู แนวแอคชันไซไฟ กับการผจญภัยในโลกล้านปี การต่อสู้ระหว่างเทคโนโลยีรุ่นใหม่กับโลกยุคไดโนเสาร์ที่ดุเดือด ชวนลุ้น และน่าติดตามมาก แม้พล็อตเรื่องเกี่ยวกับอวกาศ หรือการออกผจญภัย เราจะเห็นกันมานัดต่อนัดแล้ว แต่ 65 คือหนังที่นำเสนอได้อย่างมีชั้นเชิงมากกว่าเรื่องอื่นๆ มาก เรื่องราวเป็นไปอย่างไม่ซับซ้อน แต่ล้ำลึกไปด้วยความลุ้นระทึก ความยาวหนังถือว่ากระชับ แต่หนังก็ไม่ได้เล่าไปอย่างส่งๆ เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ดูง่ายแต่ครบรส

  • แนว: Sci-fi และ Action
  • นักแสดงนำ: Adam Driver, Ariana Greenblatt และ Chloe Coleman
  • ความยาว: 1 ชั่วโมง 33 นาที

2. Glass Onion

2. Glass Onion

หากใครชอบหนังแนวไขปริศนาคดีลับ ขอแนะนำเรื่องนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีจังหวะการเล่าเรื่องที่ทำให้คุณนั่งขบคิดได้ตลอดทั้งเรื่อง อีกทั้งยังผสมมุกตลกมาได้อย่างถูกจังหวะมาก เรียกได้ว่าเฉียบขาด ซับซ้อน แต่มีสไตล์ โดยเรื่องนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 ภาค และมีภาคแรกคือ Knives Out แม้ทั้ง 2 ภาคจะไม่ได้เป็นเส้นเรื่องเดียวกัน แต่การันตีได้เลยว่าสนุกทั้ง 2 ภาคอย่างแน่นอน

  • แนว: Mystery และ Crime
  • นักแสดงนำ: Daniel Craig, Edward Norton และ Janelle Monáe
  • ความยาว: 2 ชั่วโมง 19 นาที

3. A Man Called Otto

3. A Man Called Otto

เรื่องราวของมนุษย์ลุงผู้เข้มงวดกับชีวิตที่ได้พบเจอกับมิตรภาพอันงดงามกับเพื่อนบ้าน หนังน่าดูใน Netflix นำเสนอประเด็นหนักหน่วงแต่ก็อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ตัวละครมีพัฒนาการที่น่าติดตาม ตั้งแต่การเป็นมนุษย์ลุงผู้ไม่สุงสิงกับใคร สู่การเป็นคนที่สามารถเปิดรับคนอื่นๆ เข้ามาในชีวิตได้ ใจดีกับคนที่ผ่านเข้ามา แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็สามารถต่อชีวิตของคนๆ หนึ่ง และทำให้วันที่แย่กลายเป็นวันที่ดีขึ้นได้

  • แนว : Comedy และ Drama
  • นักแสดงนำ :  Tom Hanks, Truman Hanks และ Mariana Treviño  
  • ความยาว : 2 ชั่วโมง 6 นาที

4. The Trial of the Chicago 7

4. The Trial of the Chicago 7

เรื่องราวการประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนามในปี ค.ศ. 1968 ที่สร้างมาจากเรื่องจริง ที่มีการประท้วงกันอย่างสันติ จนนำมาสู่ความรุนแรงขึ้นในเวลาต่อมา หนังดำเนินโดยมีฉากหลังเป็นศาล ที่มีการฟ้องร้องคดีเกิดขึ้น โดยรัฐบาลอเมริกาได้ทำการฟ้องร้องแกนนำการประท้วงในครั้งนี้ โดยการดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างไม่ตัดสิน และไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนมากเกินไป แต่เป็นการนำเสนอในรูปแบบที่กล่าวประณามสงคราม และไว้อาลัยผู้ซึ่งสูญเสีย

  • แนว:  Thriller, Drama และ History
  • นักแสดงนำ: Oseph Gordon-Levitt, Eddie Redmayne และ Yahya Abdul-Mateen II
  • ความยาว: 2 ชั่วโมง 9 นาที

5. Marriage Story

5. Marriage Story

“แค่รักกันมันไม่พอ” คือนิยามความรักที่สามารถบรรยายได้จากหนังเรื่องนี้ โดยหนังจะเล่าเรื่องราวชีวิตของคู่แต่งงานสู่การหย่าร้างที่ทำให้คนดูแตกสลายกันไปตามๆ กัน ความรักในจุดอิ่มตัวกับความต้องการเอาชนะของคนสองคน ก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่บานปลายขึ้น จากคู่รักหวานชื่น กลายมาเป็นคนแปลกหน้าที่มองหน้ากันไม่ติด สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ถูกนำเสนอมาได้อย่างเฉียบขาดคือตัวละคร ที่แสดงอารมณ์ความอัดอั้นภายในใจได้ออกมาอย่างน่าสนใจ การโต้เถียงระหว่างกันที่ดูสมจริงจนทำให้คนดูอินกันไปตามๆ กัน

  • แนว: Romance และ Comedy
  • นักแสดงนำ: Adam Driver, Scarlett Johansson และ Nora Dern
  • ความยาว: 2 ชั่วโมง 16 นาที

6. Are You There God? It's Me, Margaret

6. Are You There God? It's Me, Margaret

เป็นหนังน่าดู ของ Netflix อีกเรื่องที่จะพาไปเจาะลึกชีวิตของเด็กสาวที่กำลังอยู่ในช่วงก้าวข้ามจากวัยเด็กสู่วัยรุ่นอย่างเต็มตัว การพบเจอเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการได้แอบรัก ความผิดพลาด การเข้าใจผิด หรือความไม่เข้าใจในปัญหาของผู้ใหญ่ มาร์กาเร็ตได้รับการเลี้ยงดูมาโดยไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แม้ว่าเธอจะสวดภาวนาต่อพระเจ้าบ่อยครั้ง โดยเริ่มด้วยการพูดว่า "พระเจ้าอยู่ที่นั่นหรือเปล่า? ฉันเอง มาร์กาเร็ต" หนังเล่าโดยการแตะประเด็นอ่อนไหวอย่างประเด็นศาสนา แต่มีการนำเสนอเรื่องราวอย่างมีชั้นเชิง และประนีประนอมมาก

  • แนว: Comedy, Drama และ Family
  • นักแสดงนำ: Abby Ryder Fortson, Rachel McAdams และ Kathy Bates
  • ความยาว: 1 ชั่วโมง 46 นาที

7. Gangubai

7. Gangubai

ว่าด้วยเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่หนีออกจากบ้านมาเพื่อหวังจะเป็นดารา แต่ดันโชคร้ายที่โดนแฟนตัวเองขายให้กับซ่องเพื่อเป็นโสเภณี คังคุไบ มีการนำเสนอเรื่องราวได้น่าหดหู่ แต่ก็น่าติดตามไปในคราวเดียวกัน เพราะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกับผู้หญิงอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ในเรื่องการตกเป็นรองผู้ชายในทุกๆ เรื่อง ตั้งแต่การมีสิทธิ์มีเสียง หรือการเลือกเส้นทางของชีวิต เรียกได้ว่าเป็นหนัง Netflix ที่น่าดู เพราะหนังส่งเสียงให้กับโสเภณีทุกคน และเป็นบทเรียนอันมีค่าให้สังคมได้ตระหนักมากยิ่งขึ้น

  1. แนว: Crime และ Drama
  2. นักแสดงนำ: Alia Bhatt, Shantanu Maheshwari และ Jim Sarbh
  3. ความยาว: 2 ชั่วโมง 34 นาที

8. Heartstopper

8. Heartstopper

Heartstopper ถือว่าเป็นซีรีส์ที่แนะนำอีกเรื่องใน Netflix ซึ่งจะช่วยฮีลใจให้กับใครหลายๆ คน ที่กำลังค้นหาตัวเอง และเรื่องความรักของคู่รักวัยรุ่นคู่หนึ่ง ความรักของเพื่อน ที่อบอุ่นไปด้วยมิตรภาพอันบริสุทธิ์ จริงใจ นำเสนอประเด็นของ LGBTQ+ ที่ดูแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ เป็นด้านเศร้าโดยส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความตระหนักรู้ได้ว่า แม้จะเป็นความรักที่ไม่ใช่คู่แบบชาย-หญิง ก็สามารถรักกันได้อย่างอบอุ่น ไม่จำเป็นต้องผิดหวังเสมอไป

  • แนว: Drama
  • นักแสดงนำ: Kit Connor, Joe Locke, Yasmin Finney และ William Gao
  • ความยาว: 2 ซีซั่น

9. Black Mirror

9. Black Mirror

แนะนำซีรีส์ Netflix ที่ว่าด้วยด้านมืดของมนุษย์ และเทคโนโลยี ความโดดเด่นอยู่ที่การเสียดสีสังคมยุคใหม่ ที่มีการพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด แต่ก็ฉุดศีลธรรมของมนุษย์ให้ตกต่ำลงไปด้วย การเล่าเรื่องเป็นไปอย่างซับซ้อน แต่บาดลึกลงไปถึงหัวใจ ทิ้งคำถามไว้ให้คนดูว่า “เทคโนโลยีสร้างประโยชน์และผลเสียให้เราอย่างไรบ้าง” อีกทั้งสามารถดูซีรีส์จบเป็นตอนๆ ได้ โดยไม่ต้องดูต่อกัน เพราะซีรีส์จบไปในตอนเดียว ไม่ได้ต่อเนื่อง

  • แนว: Sci-fi
  • นักแสดงนำ: Wunmi Mosaku, Monica Dolann, Daniel Lapaine และอื่นๆ อีกมากมาย
  • ความยาว: 6 ซีซั่น

10. Don’t Look Up

10. Don’t Look Up

“ผู้นำโง่ เราจะตายกันหมด” เรียกได้ว่าเป็นประโยคที่สามารถนิยามหนังเรื่องนี้ได้ดีเลย แม้จะเป็นหนังที่นำเสนอเสียดสีการเมืองของอเมริกา แต่ก็ทำให้หลายๆ ประเทศ ต่างก็ร้อนตัวไปตามๆ กัน โดยหนังเรื่องนี้เป็นการเล่าเรื่องของนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบว่าดาวเคราะห์น้อยกำลังจะพุ่งชนโลก พร้อมการรับมือของรัฐบาลที่มีกลิ่นอายของการเมือง รวบรวมเหล่าดาราดังมาถ่ายทอดประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์นี้ให้คนดูได้ฉุกคิดกันมากขึ้น เผื่อในอนาคต หากเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นจริง เราก็อาจจะสามารถรับมือได้ดีกว่าในหนังได้หรือไม่

  • แนว: Comedy และ Sci-fi
  • นักแสดงนำ: Jannifer Lawrence, Leonardo DiCaprio และ Meryl Streep
  • ความยาว: 2 ชั่วโมง 25 นาที

11. Hospital Playlist

11. Hospital Playlist

Hospital Playlist ถือว่าเป็นซีรีส์แนะนำ ใน Netflix ของสัญชาติเกาหลีน้ำดี มีคุณภาพที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เรื่องราวว่าด้วยมิตรภาพระหว่างเพื่อน หมอ และคนไข้ ที่มีทั้งเศร้า เหงา สุขปะปนกันไปตามสัจธรรมของชีวิต สำหรับผู้กำกับชินวอนโฮ ที่สร้างปรากฏการณ์ของซีรีส์มาหลายๆ เรื่อง ได้สร้างซีรีส์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นอีกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของความรัก หรือความสัมพันธ์ ที่ไม่ได้มีแค่การนำเสนอเรื่องราวด้านดีๆ เพียงเท่านั้น แต่ยังสอดแทรกความเป็นจริงที่ยากจะยอมรับเข้าไปด้วย ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นที่จดจำสำหรับใครหลายๆ คน และสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้ชมได้อย่างล้นหลามเช่นกัน

  • แนว: Drama, Romance และ Comedy
  • นักแสดงนำ: Jo Jung-suk, Jeon Mi-do, Jung Kyung-ho และ Yoo Yeon-seok
  • ความยาว: 2 ซีซั่น

12. Racket Boys

12. Racket Boys 

เรื่องราวของนักแบดรุ่นเยาว์ที่ต่างก็วิ่งตามหาความฝัน การก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดหย่อน การเล่าเรื่องเป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่ทรงพลัง สอดแทรกมุกตลกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมนำเสนอเรื่องราวชีวิตของตัวละครอื่นๆ ที่ไม่ใช่แค่ตัวละครหลักเพียงเท่านั้น นอกจากนี้ ยังนำเสนอมิตรภาพอันงดงามของครอบครัว เพื่อน และคนแปลกหน้าที่ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป ด้วยสไตล์การเล่าเรื่องที่นำเสนอหลายๆ ด้านของชีวิต ทำให้คนดูสามารถฉุกคิดได้ว่าชีวิตมีค่ามากมายขนาดไหน

  • แนว: Drama
  • นักแสดงนำ: Oh Na-Ra, Kim Sang-Kyung และ Tang Joon-Sang 
  • ความยาว: 16 ตอน

13. Move to Heaven

13. Move to Heaven

มาดู Netflix ซีรีส์คุณภาพ ที่แนะนำอีกเรื่อง ที่ว่าด้วยอาชีพเก็บกวาดสถานที่ของผู้เสียชีวิต ที่ไม่ได้มีดีแค่การเก็บกวาดข้าวของเพียงเท่านั้น แต่เป็นความโดดเด่นคือความใส่ใจ ความจริงใจที่จะเก็บความทรงจำบั้นปลายชีวิตของผู้เสียชีวิต เพื่อส่งมอบให้กับคนสำคัญที่ยังอยู่ เพื่อที่พวกเขาจะได้รำลึกความทรงจำของผู้จากไปเสมอ ซีรีส์สะท้อนเรื่องราวของผู้เสียชีวิตแต่ละคน พร้อมกับตัวละครหลักที่มีความสามารถพิเศษในการจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้ดี เปรียบดั่งเครื่องบันทึกความทรงจำเลยก็ว่าได้

  • แนว: Drama
  • นักแสดงนำ: Lee Je-hoon, Tang Jun-sang และ Hong Seung-hee
  • ความยาว: 10 ตอน
     

สรุป

หากกังวลว่าจะดูอะไรดี ก็ไม่ควรพลาดหนัง และซีรีส์ที่กล่าวมาด้วยประการทั้งปวง เพราะเป็นเรื่องที่มีประเด็นน่าสนใจ สร้างความตระหนักรู้ให้กับคนดูได้มากมาย นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องราวที่สามารถฮีลใจยามเหนื่อยล้าได้ดี สร้างความหวัง และกำลังใจในการใช้ชีวิตให้สามารถฝ่าฟันไปได้แม้จะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม

หากกำลังหาพื้นที่ในการดูหนัง และซีรีส์ แนะนำที่ The Street Ratchada เพราะมีพื้นที่ให้ได้นั่งดูกันแบบจุใจบริเวณชั้น 4 นอกจากนี้ หากท้องร้องขณะกำลังดู Netflix ที่ The Street Ratchada ยังมีร้านอาหารให้ได้ไปกินอิ่มอร่อยกันก่อน หรือจะซื้อนำมากินระหว่างดูก็ได้เช่นกัน เรียกได้ว่ามาที่นี่ที่เดียวก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเลยทีเดียว

Related